'มุ้ย-ธีรศิลป์' กองหน้าผู้เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง
'มุ้ย-ธีรศิลป์' กองหน้าผู้เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง
แม้ว่าในช่วงหลัง ‘มุ้ย’ ธีรศิลป์ แดงดา อาจโดนวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่น เพราะต้องแบกความคาดหวังของแฟนบอลช้างศึกเอาไว้ ด้วยจำนวนประตูที่เคยยิงให้กับทีมชาติไทย จากบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม
และภาพเก่าในอดีต ที่เคยสร้างความสุขให้กับกองเชียร์ชาวไทยได้โห่ร้องลั่นสนั่นสนาม ผ่านการยิงประตูลูกแล้วลูกเล่า จนสร้างสถิติจำนวนประตูไว้มากมาย ติดทำเนียบดาวยิงตลอดกาล ทั้งในสารระบบทีมชาติไทย รวมถึงในระดับอาเซียน
แน่นอนว่า การประตูของเขา อาจนำไปสู่ชัยชนะได้ก็จริง และนั่นคือ เป้าหมายสูงที่สุดของทีม ในการลงสนามแต่ละครั้ง แต่ภายใต้เป้าหมายเดียวกันนั้น ความคาดหวังในตัวเองของ ธีรศิลป์ แดงดา กลับดูแตกต่างออกไปจากที่ผู้คนคาดหวัง
เพราะในฐานะศูนย์หน้า การมีชื่อบนสกอร์บอร์ดเป็นสิ่งที่ใครก็ต้องการ เพื่อเกียรติยศ, สถิติ หรืออนาคตในการค้าแข้ง ยกเว้นกับ ธีรศิลป์ แดงดา ผู้ซึ่งมองว่า ชัยชนะของทีมนั้น สำคัญเกินกว่า ที่จะมาจากการยิงประตูของเขาเพียงคนเดียว
“ถามว่า กดดันไหม? ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้กดดันอะไร เพราะเป้าหมายของเราคือชัยชนะ” ธีรศิลป์ แดงดา กล่าวเอาไว้ และขยายความต่อว่า “ผมไม่ได้สนใจว่า ผมต้องยิงได้ แล้วทีมจะชนะ ผมคิดว่า ใครยิงก็ได้ ขอแค่ทีมชาติไทยชนะก็พอ”
ภาพจำที่ชัดเจนที่สุด ในความเป็นศูนย์หน้าที่มีคติประจำใจว่า ‘ทีมต้องมาก่อน’ ของเขา เกิดขึ้นมาเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ ในเกมสำคัญนัดที่ 5 อย่าง ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ปี 2018 ที่ทีมชาติไทยจะต้องเปิดรังเหย้าต้อนรับทีมชาติไต้หวัน
โดยก่อนหน้านั้น ธีรศิลป์ แดงดา ยิงได้ถึง 2 ประตู ที่บ้านของผู้มาเยือน จนปิดกล่องคว้าชัย แล้วนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอฟ และนั่นทำให้การกลับมาดวลกับทีมชาติไต้หวัน รอบที่ 2 ตัวเขาต้องโดนคู่แข่งประกบแจ เพราะถูกสั่งจับตายเป็นพิเศษ
แต่ ธีรศิลป์ แดงดา ได้พูดถึงการเล่นในบ้าน ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน เอาไว้ว่า “การโดนประกบติด ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแท็กติกด้วย อาจไม่ใช่ผมที่มีโอกาสทำประตู อาจเป็นพวกกองกลาง หรือแถวสองเติมขึ้นมายิงก็ได้”
ที่จริงแล้ว คำพูดแบบนี้ ใครก็พูดได้ โดยเฉพาะกับศูนย์หน้าส่วนใหญ่ ที่มักแสดงออกตรงข้าม ด้วยการเน้นยิงประตูเอง ขณะที่ ธีรศิลป์ แดงดา เขาได้ทำตามคำที่ให้สัญญาไว้ผ่านผลงานในสนาม และเกมระดับเอเชีย ซึ่งไม่เคยเป็นเรื่องง่าย
เพราะเกมวันนั้น ไต้หวัน ขึ้นนำไปก่อน แถมยังใช้แท็กติกที่กดดัน ธีรศิลป์ แดงดา จนเขาทำอะไรมากไม่ได้ในช่วงแรก กระทั่งเขาเริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นตัวหลอกล่อ ปล่อยบอลจากลูกครอสผ่านตัว ให้ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ยิงชนคานสนั่น
จากนั้น เกมพลิก ทีมชาติไทย กลับมากดดันทีมเยือนได้ แล้วก็เป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่โหม่งตีเสมอให้ทีมได้ในนาที 40 ซึ่งต่อมาในอีกหลายจังหวะ เขาก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และเลือกยิงเองในจังหวะที่มั่นใจมากที่สุดแบบไม่สิ้นเปลือง
แล้วเมื่อหนึ่งในโอกาสทำประตูขึ้นนำมาถึงตัวอีกครั้งในช่วงปลายนาทีที่ 51 จากการเปิดเข้ามาของ ธีราทร บุญมาทัน บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ แทนที่เขาจะใช้จังหวะนี้ลากบอลไปต่ออีกสักหน่อยแล้วหลอกล่อคู่แข่ง เพื่อยิงประตูเองก็ได้
แต่เพื่อประตูขึ้นนำ และเล่นง่ายได้ขึ้นในครึ่งหลัง เขาได้มอบโอกาสที่ดีที่สุดนั้นให้กับ ปกเกล้า อนันต์ ซึ่งวิ่งสอดขึ้นมา จนอยู่ในจุดที่ได้ดวลกับผู้รักษาประตูแบบ 1 : 1 โดย ปกเกล้า อนันต์ ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อยิงเข้าไปอย่างหมดจด
หลังสิ้นเสียงนกหวีด จบเกม 90 นาที ในเกมที่ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายนี้ ก็จบลงด้วย 3 แต้มของไทย ด้วยสกอร์ถึง 4-2 พร้อมคำชมเชยสำหรับ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยิงตีเสมอ และแอสซิสต์ประตูขึ้นนำอีก 1 ประตู จนมีส่วนให้ทีมเอาชนะไปได้
แต่นั่น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเกมวันนั้น เพราะ ธีรศิลป์ แดงดา ยังช่วยสร้างโอกาสให้กับทีมได้มากมาย ทั้งในเกมเสมอกับ อิรัก ไปแบบสุดมัน 2-2 จากการแอสซิสต์ประตูตีตื้นให้ทีม ด้วยการแทงบอลให้ ศราวุธ มาสุข หลุดเข้าไปเรียกจุดโทษ
และช่วยหลอกล่อแนวรับคู่แข่งในแดนหน้า จนนำมาซึ่งประตูตีเสมอท้ายเกม จากการต่อบอลอย่างไหลลื่นของแนวรุก ซึ่งการทำแบบนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้สร้างชื่อ และฝึกปรือการยิงประตู เพื่อช่วยกันในยามคับขันด้วย
ในปัจจุบัน ธีรศิลป์ แดงดา ในวัย 31 ปี ก็ยังคงถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในแดนหน้าของฟุตบอลทีมชาติไทยอยู่เสมอ ด้วยทักษะอันเยี่ยมยอด ทั้งยิงทั้งจ่าย รวมไปถึงประสบการณ์ในการค้าแข้งที่ผ่านมา ณ ลีกดังของทวีปยุโรป และเอเชีย
และสิ่งสำคัญที่แท้จริงสำหรับนักฟุตบอลคือ ‘การเล่นเพื่อทีม’ แม้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ควรต้อง ‘เห็นแก่ตัว’ ที่สุดก็ตาม
เว็บข่าวบอลออนไลน์ UFABET911 รู้ข่าวสารฟุตบอลก่อนใคร ในประเทศไทยขอขอบคุณ SIAMSPORT.COM
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น